- อะบิสซิเนียน (Abyssinian)
- อเมริกันขนสั้น (American Shorthair)
- ออสเตรเลียนมิสต์ (Australian Mist or Spotted Mist)
- บอมเบย์ (Bombay)
- บริติชขนสั้น (British Shorthair)
- เบอร์มีส (Burmese)
- เบอร์มิลลา (Burmilla)
- แคลิฟอร์เนียสแปงเกิลด์ (California Spangled)
- ชาร์ตรู (Chartreux)
- คัลเลอร์พอยต์ขนสั้น (Colorpoint Shorthair)
- อียิปเทียนมัว (Egyptian Mau)
- ยูโรเปียนขนสั้น (European Shorthair)
- เอกโซติก (Exotic)
- ฮาวานาบราวน์ (Havana Brown)
- โคราช (Korat)
- อ็อกซิแคต (Ocicat)
- โอเรียนทัลขนสั้น (Oriental Shorthair)
- รัสเซียนบลู (Russian Blue)
- สยามีส หรือ วิเชียรมาศ (Traditional Siamese or Applehead Siamese)
- สิงหปุระ (Singapura)
- สโนว์ชู (Snowshoe)
- โซโกเก (Sokoke)
- โซมาลี (Somali)
- ตองกินีส (Tonkinese)
อะบิสซิเนียน
อะบิสซิเนียน (อังกฤษ: Abyssinian) เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งที่มีความโดดเด่นสืบเชื้อสายมาจากแมวของชาวอียิปต์โบราณ มีลักษณะเป็นแมวที่มีสีสวยงาม สีขนมีลักษณะเป็นสีสลับกันในเส้นเดียวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อะบิสซิเนียนจัดเป็นแมวที่มีขนาดปานกลาง มีลักษณะท่าทางภายนอกที่สง่าผ่าเผย ภายนอกเป็นแมวที่มีความแข็งแรง มีกล้ามเนื้อ มีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว แต่ภายในแฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล มีความรักเจ้าของ ฉลาดปราดเปรียว และมีความขี้เล่นประสาแมว อะบิสซิเนียนจึงจัดเป็นสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมที่สุดในสายพันธุ์แมวขนสั้นของสหรัฐอเมริกาประวัติ
ปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถบอกถึงแหล่งหรือต้นกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ได้ว่ามีต้นกำเนิดจากที่ไหน และเมื่อไร แต่มีเรื่องที่ยังคงเล่าต่อ ๆ กันมาว่า อะบิสซิเนียนนี้เป็นแมวที่สืบสายพันธุ์มาจากแมวศักดิ์สิทธิ์ หรือแมวที่เคารพบูชาสักการะของพวกชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งชาวอียิปต์เรียกว่า “Myeu” คาดว่าเป็นระยะเวลากว่า 4,000 ปีมาแล้ว ลักษณะของแมวสายพันธุ์นี้จะสังเกตได้ว่าลักษณะที่ประจำตัวของมันมีความสอดคล้องกับสมมุติฐานข้างต้น กล่าวคือ มีลักษณะที่คล้ายคลึงหรือเหมือนกับหลักฐานทางโบราณคดีที่ถูกค้นพบอัน ได้แก่ ภาพวาดสีบนผนังถ้ำโบราณ และรูปปั้นหรือรูปแกะสลักต่าง ๆ ของชาวอียิปต์ จึงเป็นหลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอะบิสซิเนียนกับแมวอียิปต์โบราณ
แต่อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ “อะบิสซิเนียน” นี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน กล่าวคือ บางความเชื่อก็เชื่อว่า อะบิสซิเนียนนี้เป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองของอังกฤษอยู่แล้ว หรือบางความเชื่อก็เชื่อว่า อะบิสซิเนียนที่เลี้ยงกันในปัจจุบันนี้สืบสายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ที่อยู่ในเอเชียตะวันเฉียงใต้และบริเวณชายฝั่งของแถบมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น
ในตอนต้นศตวรรษที่ 19 เชื่อกันว่าได้มีการนำเข้าแมวสายพันธุ์ “อะบิสซิเนียน” นี้จากประเทศอังกฤษ เข้าไปยัง ทวีปอเมริกาเหนือ และต่อมาในช่วง ค.ศ. 1930-1939 ก็ได้มีการขยายพันธุ์แมวพันธุ์นี้ออกไป จนกระทั่งอะบิสซิเนียนนี้กลายเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากพันธุ์หนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากนั้น อะบิสซิเนียนนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ๆ ต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกวันนี้อะบิสซิเนียนกลายเป็นแมวพันธุ์ที่ได้รับความชื่นชอบเป็นอันดับที่ 5 ของโลก (10 อันดับพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด พบว่า อะบิสซิเนียนติดอันดับอยู่ในอับดับ 5 ในกลุ่มแมวจำพวกแมวสายพันธ์ขนสั้น (สถิติข้อมูลจาก CFA: Cat Fancier’s Association ปี 2001))
ลักษณะทั่วไปภายนอก
อะบิสซิเนียนเป็นแมวที่มีสีสันสดใสสวยงาม มีขนที่มีลักษณะเป็นสีสลับกันสองสีภายในเส้นเดียวกัน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นลักษณะเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ มีขนาดรูปร่างขนาดปานกลางไม่ใหญ่มาก และมีลักษณะประจำสายพันธุ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมีท่าทางที่สง่างาม มีขนาดสัดส่วนของร่างกายที่เหมาะสม ทำให้รูปร่างของลำตัวเกิดความสมดุล
- ศีรษะ - มีลักษณะเป็นรูปลิ่มเป็นสันสูง ไม่มีลักษณะที่เป็นแผ่นเรียบ และสันรูปลิ่มนี้จะต่อยาวลงมาถึงบริเวณต้นคอ ขนทางด้านหน้าบริเวณศีรษะมีลักษณะเป็นรูปตัว M
- ใบหู - มีลักษณะที่ว่องไวปราดเปรียว คอยระแวดระวังภัย เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา มีลักษณะของหูที่ใหญ่ อีกทั้งยังมีส่วนของใบหูที่กว้างขยายออก และมีรูปร่างของหูเป็นรูปถ้วย ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการรับฟังเสียงจากภายนอกได้อย่างชัดเจน
- ดวงตา - มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับเมล็ดอัลมอนด์ มีขนาดของดวงตาที่ใหญ่ ที่บริเวณขอบตามีสีของเส้นขนที่เข้ม ล้อมอยู่โดยรอบบริเวณดวงตาที่มีลักษณะสีขนที่อ่อนกว่า จึงเป็นการเน้นบริเวณดวงตาให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับสีของดวงตานั้นที่พบได้โดยมาก จะเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว
- ลำตัว - มีความยาวปานกลาง สามารถโค้งงอได้อย่างเป็นสัดส่วน ดูสวยงามเป็นสง่า มีการเจริญของกล้ามเนื้อดี สามารถเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก และที่สำคัญที่สุด คือ มีความสมดุลของร่างกาย มีกระดูกที่แข็งแรงและสามารถยืนด้วยปลายเท้าได้อย่างมั่นคง
- หาง - ค่อนข้างที่จะยางเรียว และค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปเรื่อย ๆ จากบริเวณโคนหางถึงปลายหาง
- ขน - มีลักษณะที่นุ่ม เรียบลื่นและเป็นมันเงา
- ขาและเท้า - มีลักษณะของขาภายนอกที่ยาวเรียวได้สัดส่วน มีส่วนของกระดูกขาเจริญและแข็งแรงดี อุ้งเท้ามีขนาดเล็ก กลมรีเป็นรูปไข่ และอัดตัวกันแน่น
- นิ้วเท้า - ที่บริเวณขาหน้ามี 5 นิ้ว และบริเวณขาหลังมี 4 นิ้ว
ชนิดสีขนของอะบิสซิเนียน
ตามมาตรฐานของการแบ่งสีขนในการประกวดของ CFA Breed Standard : Abyssinian
สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 สีด้วยกันคือ
สีแดงเข้ม (RED)
ลักษณะของขนจะหนา เน้นเป็นสีแดงเรื่อ ๆ มีการไล่กระจายบริเวณของสีทำให้สีไม่เข้มมากเกินไปอยู่เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งเพียงจุดเดียว เส้นขนมีการสลับสีกันระหว่างสีช็อกโกแลตและสีน้ำตาล บริเวณปลายขนจะมีสีเข้มมากที่สุด ผิวหนังบริเวณลำตัวมีสีออกแดง ส่วนปลายหางมีสีน้ำตาลอมช็อกโกแลต สีที่บริเวณขาทั้งทางด้านนอกและด้านในที่กลมกลืนกับสีหลักของลำตัว หน้าอกและท้อง ส่วนที่บริเวณจมูกมีสีออกแดงอมชมพู ระหว่างนิ้วเท้ามีสีน้ำตาลอมช็อกโกแลตขั้นอยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
สีน้ำตาลแดง (RUDDY)
ลักษณะของเส้นขนจะมีการสลับสีกันระหว่างสีน้ำตาลกับสีดำเข้ม และที่บริเวณปลายสุดของเส้นขนนั้น จะมีสีเข้มมากที่สุด ส่วนผิวหนังบริเวณลำตัวจะมีสีน้ำตาลอมส้ม ปลายหางมีสีดำ ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง ส่วนบริเวณจมูกจะมีสีทึบมีสีออกน้ำตาลแดง ส่วนอุ้งเท้าจะมีสีดำหรือน้ำตาลก็ได้ และมีสีดำขั้นระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
สีเทาอมน้ำเงิน (BLUE)
ลักษณะของเส้นขน มีการสลับสีกันระหว่างสีเทาอมน้ำเงินด้วยกันเอง เพราะมีความเข้มอ่อนของสีที่ไม่เท่ากัน ส่วนปลายสุดของเส้นขนมีสีเข้มมากที่สุด ส่วนผิวหนังบริเวณลำตัวมีสีแดงอมชมพูกลมกลืนกับสีเทาอ่อน ส่วนปลายหางมีสีเทาอมน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของเส้นขนทั่วไป ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง ปลายจมูกมีสีชมพูเข้ม ส่วนสีที่อุ้งเท้ามีสีม่วงอมน้ำเงินและมีสีเทาอมน้ำเงินเข้ม อยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
สีส้มอมชมพู (FAWN)
ลักษณะของเส้นขน มีการสลับสีกันระหว่างสีน้ำตาลอ่อนกับสีโกโก้ และที่บริเวณปลายสุดของเส้นขนนั้น จะมีสีเข้มมากที่สุด ผิวหนังบริเวณลำตัวเป็นสีเทา ส่วนปลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนผสมกับสีโกโก้เช่นเดียวกับสีทั่วไปของร่างกาย ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง จมูกสีส้มอ่อน อุ้งเท้าสีชมพูและมีสีน้ำตาลอ่อนผสมกับสีโกโก้อยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้วบอมเบย์
แมวสายพันธุ์บอมเบย์ เกิดจากการผสมระหว่างแมวสายพันธุ์เบอร์มิส (แมวพม่า) กับแมวสายพันธุ์อเริกันขนสั้น มีรูปร่างขนาดกลางมองเห็นกล้ามเนื้อชัดเจน หัวโตหน้าผากกลมกว้าง หูกลมและเอียงไปทางข้างหน้า มีจมูกสั้นสีดำคางเห็นชัดเจน ตากลมโตสีตามีตั้งแต่สีทองไล่ไปจนสีทองแดง ขายาวปานกลางเท้าเล็กรูปไข่ มีนิสัยอ่อนโยนไม่ก้าวร้าวสามารถปรับตัวเข้ากับแมวตัวอื่นๆได้ดีและชอบอยู่กับมนุษย์ไม่ปลีกตัวไปไกล
ชื่อสายพันธุ์บอมเบย์ได้มาจากเสือดำในประเทศอินเดีย และชื่อเมืองบอมเบย์ในประเทศอินเดีย (ปัจจุบันคือเมืองมุมไบ)
ลักษณะโดยทั่วไป
รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางมีกล้ามเนื้อชัดเจน หัวโตหน้าผากกลมกว้าง หูกลมและเอียงไปทางข้างหน้า มีจมูกสั้นสีดำคางเห็นชัดเจน ตากลมโตสีตาเป็นสีทอง ขายาวปานกลางเท้าเล็กรูปไข่
ลักษณะนิสัย : อ่อนโยนไม่ก้าวร้าวสามารถปรับตัวเข้ากับแมวตัวอื่นๆได้ดีและชอบอยู่กับมนุษย์ไม่ปลีกตัวไปไกล
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น